ในโลกดิจิทัลที่ทุกอย่างเต็มไปด้วยความรีบเร่งเพื่อก้าวให้ทันยุคทันสมัย ไม่เว้นแม้แต่เรื่องความสวยความงามที่ต้องอาศัยเทคโนโลยีแบบก้าวกระโดดเพื่อให้ทันยุค “สวยสั่งได้” ชนิดที่ไม่ต้องผ่าตัด ไม่ต้องพักฟื้น แต่ให้ผลลัพธ์ที่น่าพึงพอใจ “เพราะความสวย..รอไม่ได้” โบท็อก(Botulinum Toxin)จึงเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ได้รับความนิยมอย่างมาก ด้วยประสิทธิภาพการลบเลือนริ้วรอยแห่งวัยคืนความอ่อนเยาว์ให้กับผิวได้อย่างมีประสิทธิภาพในช่วงเวลาสั้นๆ
โบท็อก(Botox) แท้จริงแล้วเป็นชื่อทางการค้าของ โบทูลินัม ท็อกซิน ชนิด A (Botulinum toxin type A) ซึ่งเป็นสารสกัดโปรตีนจากแบคทีเรีย “คลอสตริเดียม โบทูลินั่ม” (Clostridium botulinum) ซึ่งในปัจจุบันมีหลายยี่ห้อ เช่น โบทูแรค ( Botulax) ฮูเจล (Hugel Toxin) และอัลลิแกน โบท็อกซ์(Allergan Botox) เป็นต้น โดยจะออกฤทธิ์ต่อระบบประสาท ช่วยทำให้มัดกล้ามเนื้อคลายตัวลง วงการแพทย์ได้เริ่มต้นนำสารนี้มาใช้ในการรักษาความผิดปกติเกี่ยวกับการมองเห็นที่เกี่ยวข้องกับกล้ามเนื้อของดวงตา และต่อมาได้ถูกนำมาใช้ในวงการเสริมความงาม ช่วยทำให้ผิวหนังที่มีรอยย่นหรือรอยพับตึงขึ้น ทำให้หน้าดูอ่อนวัย ผิวกระชับขึ้นค่ะ
หลายคนเข้าใจว่าโบท็อกมีประโยชน์ในการปรับรูปหน้าและลดริ้วรอยชะลอวัยเท่านั้น แต่แท้จริงแล้ว สารชนิดนี้ยังสามารถช่วยแก้ไขข้อบกพร่องในส่วนอื่นๆของร่างกายได้ด้วย เช่น
การฉีดโบท็อก เป็นการทำให้กล้ามเนื้อบริเวณนั้นๆคลายตัวลงชั่วคราว สำหรับ
ริ้วรอยตื้นๆจะเห็นผลหลังจากที่ฉีดประมาณ 2-3 วัน ส่วนริ้วรอยที่ลึกลงไปจะเห็นผลประมาณ 7 -14 วัน หลังจากที่ฉีดจะอยู่ได้นาน 4-6 เดือน แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ขึ้นอยู่กับคุณภาพของแต่ละยี่ห้อด้วย ถ้าเป็นโบท็อกมีความบริสุทธิ์สูงก็จะอยู่ได้นานกว่า นอกจากนั้น ยังขึ้นอยู่กับตำแหน่งที่ฉีดด้วย ถ้าฉีดในบริเวณที่เป็นกล้ามเนื้อมัดใหญ่ เช่น ไหล่ น่อง ระยะเวลาในการออกฤทธิ์จะสั้นกว่าบริเวณกราม หน้าผากหรือ หางตา ซึ่งเป็นกล้ามเนื้อมัดเล็กนั่นเอง
ขอบคุณรูปจากGoogle
ไม่เพียง“หน้าแข็ง หนังตาตก ยิ้มไม่เป็นธรรมชาติ” เท่านั้นที่สร้างปัญหาให้กับหลายคนในการฉีด โบท็อก แต่ยังเสี่ยงอันตรายที่มากกว่านั้นคือมีการติดเชื้อเกิดขึ้น ดังนั้นก่อนตัดสินใจฉีดโบท็อกทุกครั้งต้องคำนึงถึงความปลอดภัยในระยะยาวที่จะตามมา โดย..
ขอบคุณรูปจากGoogle
สำหรับใครที่กำลังอยากฉีดโบท็อก มีข้อควรรู้และข้อควรระวังทั้งก่อนและหลังฉีดเพื่อผลที่คุ้มค่าคุ้มราคา ดังนี้ค่ะ
สิ่งสำคัญที่ต้องทำควบคู่กับการใช้นวัตกรรมเพื่อฟื้นฟูสภาพผิวและแก้ปัญหาริ้วรอยบนใบหน้า คือการหาข้อมูลที่ถูกต้อง การคำนึงถึงความปลอดภัย ขอคำแนะนำและปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญอย่างใกล้ชิด ควบคู่กับการสร้างเกราะป้องกันความร่วงโรยแห่งวัยด้วยการดูแลตัวเองทั้งภายนอกและภายใน แล้วอย่างนี้ผิวสวยๆหน้าใสๆไปไหนซะล่ะคะ!
ข้อมูลอ้างอิง
สมาคมแพทย์ผิวหนังแห่งประเทศไทย
ราชวิทยาลัยอายุรแพทย์แห่งประเทศไทย
www.facebook.com/themedicalcouncil