“นี่หน้าคนหรือหลุมดวงจันทร์” คุณคงไม่อยากให้ใครมาทักจนเสียเซลฟ์ หมดความมั่นใจเพราะหลุมเล็กหลุมใหญ่ที่ปรากฏอยู่ทั่วใบหน้า หรือที่เรารู้จักกันดีว่า “หลุมสิว” ยิ่งกลบ ยิ่งโบ๊ะด้วยแป้งหรือรองพื้นหนาๆก็ยิ่งกระตุ้นให้เกิดสิวอุดตันเพิ่มขึ้นสร้างความหนักใจให้กับคุณยิ่งไปอีก
หลุมสิวเกิดจากอะไร
อ๊ะอ๊ะ อย่าบีบสิว! นี่เป็นคำเตือนที่เต็มไปด้วยความห่วงใย เพราะการบีบ แกะ แคะ เกา อาจสร้างปัญหาใหญ่ ยิ่งทำให้สิวยิ่งอักเสบลุกลามมากยิ่งขึ้น จากสิวอักเสบธรรมดาก็จะพัฒนาเป็นสิวกินเนื้อ และถ้าหากไม่ได้รับการรักษาอย่างถูกวิธีด้วยแล้วล่ะก็ อาจจะไปกระตุ้นให้สิวมีอาการหนักขึ้นกลายเป็นหลุมสิวในที่สุด
ประเภทของหลุมสิว
หลุมสิวมีหลายประเภท แบ่งตามระดับความรุนแรงได้ดังต่อไปนี้
- ระดับทั่วไป (Rolling scar) ซึ่งจะเป็นหลุมสิวแบบตื้นๆ กินพื้นที่เพียงเล็กน้อยของผิว สามารถใช้ยาทาเพื่อเติมเต็มเนื้อผิวได้
- ระดับที่มีความรุนแรงปานกลาง (Box scar) โดยจะมีลักษณะเป็นบ่อ มีขอบชัดเจน จะมีความลึกในระดับชั้นผิวเท่านั้น สามารถรักษาได้โดยการใช้ยาควบคู่กับการทำทรีทเม้นท์
- ระดับที่มีความรุนแรงสูงสุด (Ice pic scar) หลุมสิวลักษณะนี้จะเป็นหลุมลึก ปากของหลุมแคบ สิวกินเนื้อไปจนถึงชั้นรูขุมขน ใช้เวลาในการรักษาค่อนข้างนานเพื่อช่วยให้รอยหลุมตื้นขึ้นมา
สิวแบบไหนที่สามารถกลายเป็นหลุมสิวได้
ลักษณะของสิวที่สามารถกลายเป็นหลุมสิวได้มีดังต่อไปนี้ค่ะ
- สิวหัวช้างเม็ดใหญ่ๆ (Cyst) ที่มีหนองปนเลือดอยู่ภายในหัวสิว
- สิวอักเสบรุนแรง (Pustule) หรือสิวหัวหนอง
- สิวที่ติดเชื้อแบคทีเรียจนลุกลามไปทั่วชั้นใต้ผิว (Nodule)
เมื่อมีสิวลักษณะนี้เกิดขึ้น จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องรักษาอย่างถูกต้อง เพราะถ้าหากชั้นใต้ผิวเป็นหนองแล้วทิ้งเอาไว้ จะเกิดเป็นโพรงขึ้นมา จนอักเสบ เป็นแผล จากนั้นผิวหนังบริเวณนั้นก็จะเริ่มยุบตัวลง คอลลาเจนใต้ผิวลดลง พังผืดขึ้นมาแทนที่ใต้รอยแผล และกลายเป็นหลุมสิวในที่สุด
วิธีการรักษาหลุมสิว
การรักษาหลุมสิวในปัจจุบันมีหลายวิธี ซึ่งสามารถเลือกได้ตามอาการและระดับความรุนแรง ซึ่งอาจจะต้องใช้เวลามากกว่า 6 เดือนขึ้นไป
- การทานยาร่วมกับวิตามินประเภท วิตามิน B5 หรือ Zinc ซึ่งการรักษาแบบนี้จะใช้เวลาค่อนข้างนาน มักมีอาการข้างเคียงตามมาคือ ปากแห้ง ผิวแห้ง และหากใช้เป็นระยะเวลาที่ยาวนานติดต่อกัน อาจส่งผลต่อตับในระยะยาวด้วย
- การใช้เซรั่มฟื้นฟูสภาพผิว ส่วนใหญ่เป็นเซรั่มที่สามารถซึมเข้าสู่ชั้นผิวที่จะช่วยรักษาและฟื้นฟูเซลล์ผิวที่ถูกทำลายได้ วิธีนี้มักใช้ร่วมกับการทำ AHA ซึ่งเป็นสารสกัดจากธรรมชาติ ช่วยในการผลัดเซลล์ผิวชั้นนอกให้หลุดออก กระตุ้นให้เกิดการสร้างคอลลาเจนชั้นใต้ผิวขึ้นมาใหม่ ทำให้หลุมสิวตื้นและเรียบขึ้น
- การทำเลเซอร์ วิธีนี้ได้รับความนิยมมาก เห็นผลค่อนข้างไว แต่มีราคาค่อนข้างสูง โดยสามารถช่วยสร้างคอลลาเจนขึ้นมาเพื่อซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ และหลังจากที่ทำเลเซอร์จะต้องมีการพักฟื้นสักระยะ พร้อมทั้งหลีกเลี่ยงแสงแดดด้วยค่ะ ถึงแม้ว่าจะไม่สามารถรักษาหลุมสิวให้หายได้100% แต่การรักษาด้วยวิธีนี้สามารถฟื้นฟูและเติมเต็มหลุมได้มากสูงสุด70-80%เลยทีเดียวค่ะ
การป้องกันการเกิดหลุมสิว
หลุมสิวสามารถป้องกันไม่ให้เกิดขึ้นกับหน้าสวยๆของคุณได้โดย....
- ไม่บีบ หรือแกะสิว เพราะมือของคุณอาจมีเชื้อแบคทีเรียที่ก่อให้เกิดสิวเพิ่มมากขึ้นได้ และอย่าลืมว่า ยิ่งสิวมีขนาดใหญ่ก็มีโอกาสที่จะทิ้งหลุมสิวได้มากขึ้นเท่านั้น
- เลือกรับประทานอาหารประเภทผัก ผลไม้มากขึ้น ดื่มน้ำมากๆ หลีกเลี่ยงอาหารประเภททอด ที่มีไขมันสูง ทำให้ผิวเกิดการอุดตัน
- เลือกผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่ให้ความชุ่มชื้นแก่ผิวประเภท Non-Comedogenic พร้อมทั้งล้างหน้าให้สะอาด ป้องกันการเกิดสิวอุดตันและสิวอักเสบ
- ทาครีมกันแดดเป็นประจำ
การปฏิบัติตัวในช่วงรักษาหลุมสิว
ในช่วงของการรักษาหลุมสิว มีข้อควรปฏิบัติดังนี้
- หลีกเลี่ยงมลภาวะ เช่น ฝุ่นควัน เพราะอาจทำให้เกิดแบคทีเรียและสิ่งสกปรกที่อุดตันรูขุมขนทำให้เกิดสิวขึ้นได้
- เลี่ยงการจับหรือลูบหน้าบ่อยๆ งดการแกะ แคะ เกา ขัดหรือเช็ดหน้าแรงๆ
- ใช้เครื่องสำอางให้เหมาะกับสภาพผิว ประเภทที่ช่วยควบคุมความมัน
- งดดื่มแอลกอฮอลล์ (เนื่องจากแอลกอฮอลล์มีฤทธิ์ยับยั้งการสร้างคอลลาเจน)
นารดาคลินิก ให้บริการรักษาหลุมสิวด้วย 2 เทคโนโลยีขั้นสูงจากอเมริกา ทั้ง โปรแกรม Scar Free ซึ่งเป็นเทคโนโลยีเดียวกับBody Tite Fractora Technology และFractional CO2 โปรแกรม Renew Skin
ซึ่งจะช่วยรักษาปัญหาที่เกี่ยวกับโครงสร้างผิว ทั้งหลุมสิว และรอยแผลเป็น กระตุ้นการสร้างเซลล์ผิวใหม่ ฟื้นฟูและสร้างความแข็งแรงให้เซลล์ผิวจากภายในสู่ภายนอก
โดยรักษาควบคู่กับการทำ Meso Vampire (PRP) ซึ่งมีส่วนทำให้ผิวได้รับการซ่อมแซมเร็วขึ้น ทำให้หลุมสิวตื้นขึ้นได้ด้วยค่ะ